ประวัติความเป็นมาของดนตรี
การสืบสาวราวเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของดนตรีตั้งแต่สมัยโบราณมา
นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้ เรื่องราวที่ละเอียดโดยตลอดหรือแม้จะเพียงพอประติดประต่อ
เช่นเดียวกับศิลปะด้านอื่นๆ เช่น สถาปัตยกรรม ประติมากรรม หรือจิตรกรรม และวรรณกรรม
ก็ยังไม่อาจจะทำได้ เพราะดนตรีเป็นศิลปะของการใช้เสียง ถ้าหากไม่มีการจดบันทึกไว้เสียงเหล่านั้นย่อมสลายตัวสูญหายไปอย่างแน่นอน
และ เนื่องจากการจดบันทึกทางดนตรีนับได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน สมัยของการรู้จักใช้อักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ
เพิ่งจะมีปรากฏและเริ่มนิยมใช้กันในสมัยเริ่มต้นของยุค Middle age คือระหว่างศตวรรษที่ 5-6 และการบันทึกก็มีแต่เพียงเครื่องหมายแสดงเพียง "ระดับของเสียง"
และ "จังหวะ" (Pitch and time)
ดนตรีเกิดขึ้นมาในโลกพร้อมๆ
กับมนุษย์เรานั่นเอง ในยุคแรกๆ มนุษย์เรายังอาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ แม้ในโพรงไม้ก็รู้จักการร้องรำทำเพลงตามธรรมชาติ
เช่นรู้จักการปรบมือ เคาะหิน เคาะไม้ เป่า ปาก เป่าเขา เป็นต้น พร้อมกันนั้นก็มีการเปล่งเสียงร้องออกมาตามเรื่อง
การร้องรำทำเพลงของมนุษย์ ในยุคนั้นก็ทำไปเพื่ออ้อนวอนพระเจ้า เพื่อช่วยให้ตนพ้นภัย
บันดาลความสุขความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ให้แก่ตน หรือเพื่อเป็นการบูชา แสดงความขอบคุณพระเจ้าที่บันดาลให้ตนมีความสุขความสบาย
โลกได้ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย
ดนตรีก็ได้วิวัฒนาการไปตามความเจริญ และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เครื่องดนตรีในสมัยเริ่มแรกที่เคยใช้ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นขั้นๆ
กลายเป็นเครื่องดนตรี ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เพลงที่เคยร้องเพื่ออ้อนวอนพระเจ้า
ก็กลายมาเป็นเพลงสวดทางศาสนาและ เพลงร้องโดยทั่วๆ ไปเป็นต้น
ในระยะแรกๆ นั้นดนตรีมีอยู่เพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า
Melody ไม่มีการประสานเสียง เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ จนถึงศตวรรษที่
12 มนุษย์เราจึงเริ่มรู้จักใช้เสียงต่างๆ มาประสานกันอย่างง่ายๆ
เกิดเป็นดนตรีหลายๆ เสียงขึ้นมา
ในระยะแรกๆ นั้นดนตรีมีอยู่เพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า Melody ไม่มีการประสานเสียง เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ จนถึงศตวรรษที่ 12 มนุษย์เราจึงเริ่มรู้จักใช้เสียงต่างๆ มาประสานกันอย่างง่ายๆ เกิดเป็นดนตรีหลายๆ เสียงขึ้นมา
การสืบสาวราวเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของดนตรีตั้งแต่สมัยโบราณมา
นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้ เรื่องราวที่ละเอียดโดยตลอดหรือแม้จะเพียงพอประติดประต่อ
เช่นเดียวกับศิลปะด้านอื่นๆ เช่น สถาปัตยกรรม ประติมากรรม หรือจิตรกรรม และวรรณกรรม
ก็ยังไม่อาจจะทำได้ เพราะดนตรีเป็นศิลปะของการใช้เสียง ถ้าหากไม่มีการจดบันทึกไว้เสียงเหล่านั้นย่อมสลายตัวสูญหายไปอย่างแน่นอน
และ เนื่องจากการจดบันทึกทางดนตรีนับได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน สมัยของการรู้จักใช้อักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ
เพิ่งจะมีปรากฏและเริ่มนิยมใช้กันในสมัยเริ่มต้นของยุค Middle age คือระหว่างศตวรรษที่ 5-6 และการบันทึกก็มีแต่เพียงเครื่องหมายแสดงเพียง "ระดับของเสียง"
และ "จังหวะ" (Pitch and time)
ดนตรีเกิดขึ้นมาในโลกพร้อมๆ
กับมนุษย์เรานั่นเอง ในยุคแรกๆ มนุษย์เรายังอาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ แม้ในโพรงไม้ก็รู้จักการร้องรำทำเพลงตามธรรมชาติ
เช่นรู้จักการปรบมือ เคาะหิน เคาะไม้ เป่า ปาก เป่าเขา เป็นต้น พร้อมกันนั้นก็มีการเปล่งเสียงร้องออกมาตามเรื่อง
การร้องรำทำเพลงของมนุษย์ ในยุคนั้นก็ทำไปเพื่ออ้อนวอนพระเจ้า เพื่อช่วยให้ตนพ้นภัย
บันดาลความสุขความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ให้แก่ตน หรือเพื่อเป็นการบูชา แสดงความขอบคุณพระเจ้าที่บันดาลให้ตนมีความสุขความสบาย
โลกได้ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย
ดนตรีก็ได้วิวัฒนาการไปตามความเจริญ และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เครื่องดนตรีในสมัยเริ่มแรกที่เคยใช้ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นขั้นๆ
กลายเป็นเครื่องดนตรี ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เพลงที่เคยร้องเพื่ออ้อนวอนพระเจ้า
ก็กลายมาเป็นเพลงสวดทางศาสนาและ เพลงร้องโดยทั่วๆ ไปเป็นต้น
ในระยะแรกๆ นั้นดนตรีมีอยู่เพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า
Melody ไม่มีการประสานเสียง เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ จนถึงศตวรรษที่
12 มนุษย์เราจึงเริ่มรู้จักใช้เสียงต่างๆ มาประสานกันอย่างง่ายๆ
เกิดเป็นดนตรีหลายๆ เสียงขึ้นมา